CFD เป็นตราสารที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียเงินอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีเลเวอเรจ 80% ของบัญชีนักลงทุนรายย่อยสูญเสียเงินเมื่อทำการซื้อขาย CFD กับผู้ให้บริการรายนี้ คุณควรพิจารณาว่าคุณเข้าใจวิธีการทำงานของ CFD หรือไม่ และคุณสามารถรับความเสี่ยงสูงที่อาจจะสูญเสียเงินของคุณได้หรือไม่
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยเช้าวันจันทร์ ราคาทะลุระดับ $3,900 ได้สำเร็จ พร้อมทำสถิติสูงสุดใหม่หลายครั้งติดต่อกัน แรงขับเคลื่อนหลักมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ และกระแส “ลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์” ทั่วโลก ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคเริ่มบ่งชี้ถึงแรงกดดันจากการปรับฐานระยะสั้น
ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะจับตาความคืบหน้าของการปิดหน่วยงานรัฐบาล และถ้อยแถลงจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ซึ่งอาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในระยะสั้น
จากกราฟรายวันของ XAUUSD โมเมนตัมขาขึ้นยังคงแข็งแกร่ง แม้จะมีการย่อตัวเป็นระยะ แต่ราคายังคงอยู่เหนือเส้น EMA 5 วัน ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 7 การทะลุระดับ $3,900 เกิดขึ้นภายในเวลาไม่ถึง 10 วันหลังจากทะลุ $3,800 ได้สำเร็จ กราฟรายสัปดาห์และรายเดือนยังคงแสดงแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน
ตลาดกำลังจับตาว่าราคาทองคำจะสามารถยืนเหนือระดับจิตวิทยา $3,900 ได้หรือไม่ หากสามารถรักษาระดับนี้ไว้ได้ จะเป็นการยืนยันการเบรกเอาท์ และเปิดทางสู่เป้าหมายถัดไปที่ $4,000 ด้านแนวรับสำคัญอยู่ที่ $3,855 หากหลุดระดับนี้ อาจเกิดแรงขายระยะสั้น และกดดันให้ราคาย่อลงสู่ $3,800
หนึ่งในปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาทองคำคือการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจ โดยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payroll) ที่เดิมจะประกาศในวันศุกร์ ถูกเลื่อนออกไป รายงานนี้ถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญของภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ และแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด การขาดข้อมูลนี้สร้าง “ช่องว่างข้อมูล” ที่ส่งเสริมสถานะทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ในช่วงที่ไม่มีข้อมูล Nonfarm ตลาดหันไปพิจารณาตัวชี้วัดอื่นแทน โดยข้อมูล ADP ล่าสุดแสดงการลดลงของตำแหน่งงาน 32,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน ขณะที่ดัชนีการจ้างงานของ ISM Services PMI หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 สัญญาณเหล่านี้สนับสนุนความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของเฟด โดยตลาดได้สะท้อนการลดดอกเบี้ยในเดือนตุลาคมไว้เต็มที่แล้ว และความน่าจะเป็นของการลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 90% ซึ่งเป็นแรงหนุนราคาทองคำ
ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังเพิ่มแรงดึงดูดให้กับทองคำ โดยทั้งสองพรรคยังไม่สามารถตกลงกันเรื่องงบประมาณได้อย่างชัดเจน ทำให้ภาวะชะงักงันยังคงดำเนินต่อไป จากข้อมูลล่าสุดของตลาดคาดการณ์ Kalshi พบว่า ความน่าจะเป็นที่การปิดหน่วยงานจะยาวนานเกิน 10 วันอยู่ที่ 70% และเกิน 15 วันอยู่ที่ 46%
ความไม่แน่นอนจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล ประกอบกับความกังวลเรื่องเงินเฟ้อระยะยาว และการลดค่าเงินจากการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ รวมถึงความตึงเครียดทางการค้าก่อนหน้านี้ ได้กดดันความน่าเชื่อถือของเงินดอลลาร์ ในสถานการณ์เช่นนี้ ธนาคารกลางหลายแห่งเพิ่มการถือครองทองคำ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ ซึ่งเป็นอีกแรงหนุนที่ผลักดันราคาทองคำ
จากมุมมองการเทรด ยิ่งการปิดหน่วยงานรัฐบาลยืดเยื้อ ทองคำยิ่งมีความน่าสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หากการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลงในระยะสั้น พนักงานที่ได้รับผลกระทบจะได้รับเงินย้อนหลัง และผลกระทบทางเศรษฐกิจจะจำกัด ซึ่งยังคงเป็นแรงหนุนระดับปานกลางต่อทองคำ แต่หากภาวะชะงักงันยืดเยื้อ ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยจะเพิ่มขึ้น และอาจผลักดันราคาทองคำให้พุ่งขึ้นอย่างชัดเจน
โดยรวมแล้ว ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากกระแส Safe-Haven และการลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ของธนาคารกลางทั่วโลก ขณะที่การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงสร้างความกังวลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนด้านนโยบาย ส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าสู่ทองคำ ในขณะเดียวกัน ความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยช่วยลดต้นทุนโอกาสของการถือครองทองคำที่ไม่มีผลตอบแทน ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับทองคำ ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ กลยุทธ์ “ซื้อเมื่อย่อตัว” ยังคงเป็นแนวทางหลักของนักลงทุน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวัง เนื่องจากปัจจัยต่อไปนี้อาจกระตุ้นการปรับฐานระยะสั้น:
Due to the shutdown, major U.S. economic data releases will be limited this week. Last week’s delayed nonfarm report is a key reference for the Fed’s policy decisions. Once the government reopens, the report is likely to be published quickly, improving policy visibility and potentially putting short-term pressure on gold.